วิธีใช้ VPN Android ในปี 2025

วิธีที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุดในการใช้ VPN บนอุปกรณ์ Android ของคุณก็คือการเลือก VPN ที่มีเนทีฟแอปสำหรับ Android คุณยังสามารถเลือกกำหนดค่าเองได้ด้วยการใช้แอปบุคคลที่สาม แต่วิธีนี้จะมีความซับซ้อนมากกว่า

เราได้เขียนรายละเอียดการตั้งค่า VPN ทั้งสองวิธีไว้แล้วในคู่มือนี้ เพื่อให้คุณใช้อุปกรณ์ Android ทุกรูปแบบได้อย่างปลอดภัย

วิธีตั้งค่า VPN Android ของคุณด้วยแอป (วิธีที่ง่ายที่สุด)

วิธีที่เร็วที่สุดในการติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์ Android ของคุณก็คือการดาวน์โหลดเนทีฟแอปจาก Google Play Store นี่เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตซึ่งใช้งาน Android 4 หรือใหม่กว่า

ถ้าอุปกรณ์ของคุณใช้งานเวอร์ชันที่เก่ากว่า คุณสามารถรับบริการ VPN ได้จากการกำหนดค่า VPN client ที่บิ้วท์อินมา (PPTP, L2TP/IPSec และ IPSec) ผู้ให้บริการบางรายอย่างเช่น Huawei จะเปิดให้คุณดาวน์โหลดไฟล์ APK ได้ถ้าเครื่องของคุณไม่รองรับ Play Store

นี่คือวิธีการตั้งค่า VPN แบบเนทีฟแอปบนอุปกรณ์ Android ของคุณ:

1. เปิด Play Store Search for your VPN.
2. ติดตั้ง VPN สำหรับการจะใช้ VPN บนอุปกรณ์ที่ไม่มี Google Play Store อย่างเช่น Huawei คุณจะต้องทำการดาวน์โหลดไฟล์ APK
3. เปิด VPN หลังจากที่ติดตั้งเสร็จแล้วให้เลือก "เปิด"
4. ล็อกอินเข้าบัญชีของคุณ กรอกข้อมูลของคุณถ้าคุณมีรหัสใช้งานอยู่แล้ว ถ้ายังก็ให้สมัครใช้งาน
5. เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการเชื่อมต่อไปที่ไหนเป็นพิเศษ ให้คุณเลือกเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อให้ได้ความเร็วสูงที่สุด เท่านั้นเอง

เพื่อที่จะช่วยปกป้องข้อมูลในอุปกรณ์ Android ของคุณ ก็อย่าลืมเปิดใช้งานการเชื่อมต่ออัตโนมัติด้วย คลิกที่ "ตัวเลือก" เลือก "การตั้งค่า" และแตะไปที่ "เชื่อมต่ออัตโนมัติ" เท่า

วิธีการตั้งค่า VPN Android แบบที่ไม่มีแอป

กระบวนนี้ต้องใช้ความใจเย็นเป็นอย่างสูงและมันก็เหมาะเฉพาะถ้าคุณไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดแอป VPN บน Android ได้เท่านั้น โปรดทราบว่าคุณจะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดได้ถ้าคุณตั้งค่า VPN ด้วยวิธีนี้ และมันอาจจะใช้เวลานานกว่าในการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย

คุณสามารถใช้ client บน Android เพื่อทำการตั้งค่า VPN ด้วยโปรโตคอล L2TP และ PPTP ได้ ถึงอย่างนั้นก็ตาม การตั้งค่า VPN Android ฟรีแบบนี้จะปกป้องคุณได้ไม่ดีนัก PPTP นั้นจะอ่อนแอต่อการสอดแนม ในขณะที่ L2TP นั้นจะใช้คีย์ที่ถูกแบ่งปันล่วงหน้า ทำให้คุณอาจถูกโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดีได้ นี่อาจจะทำให้แฮ็กเกอร์หรือบุคคลที่สามอื่น ๆ สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณได้

ด้านล่างนี้ เราจะแสดงให้เห็นวิธีการใช้ client แบบบิ้วท์อินเพื่อทำการเชื่อมต่อ VPNบนโทรศัพท์ Infinix ซึ่งใช้ Android 10 วิธีการนั้นอาจจะมีความแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ขึ้นกับแบรนด์และเวอร์ชันของ Android ที่คุณใช้

1. เลือก VPN และสมัครใช้งาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันรองรับโปรโตคอล L2TP และ PPTP
2. สร้างโปรไฟล์ VPN ใหม่ เปิดการตั้งค่าและเลือก "การเชื่อมต่อเพิ่มเติม" เลือก "VPN" และคลิกเครื่องหมายบวก
3. กรอกข้อมูลเครือข่ายของ VPN หากคุณต้องการความช่วยเหลือ คุณก็สามารถส่งข้อความหรืออีเมลไปหาผู้ให้บริการ VPN ได้
4. เปิด VPN คุณสามารถสตรีมหรือท่องเว็บอย่างที่มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้แล้ว

หากต้องการใช้ VPN สำหรับ Android TV หรือกล่องรุ่นเก่า คุณก็สามารถติดตั้ง VPN บนเราเตอร์และทำการเชื่อมด้วยวิธีนั้นได้

ถ้าที่ทำงานของคุณใช้ VPN เพื่อล็อกอินเข้าสู่เครือข่าย การเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายที่มีอยู่แล้วด้วย Android นั้นก็เป็นเรื่องง่าย ที่คุณต้องทำก็แค่ทำตามขั้นตอนข้างบน อย่างไรก็ตาม ตอนที่คุณไปถึงขั้นตอนที่ 4 ให้คุณถามชื่อเครือข่าย, ประเภท, ที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ และข้อมูลล็อกอินของ VPN จากแอดมินเครือข่าย

วิธีการตั้งค่า VPN บน Android ด้วยการใช้แอปบุคคลที่สาม

คุณสามารถติดตั้ง OpenVPN บน Android ด้วยแอปบุคคลที่สามเองได้ อย่างเช่น OpenVPN Connect และ OpenVPN for Android กระบวนการนี้อาจมีความซับซ้อนสำหรับคุณ แต่ท้ายสุดมันก็ถือว่าคุ้มค่าถ้าคุณไม่มีวิธีอื่นที่จะติดตั้งแอปเนทีฟ VPN ได้

นี่คือวิธีการตั้งค่า VPN Android ด้วยการใช้ OpenVPN:

1. รับไฟล์กำหนดค่าของ OpenVPN ดาวน์โหลดไฟล์กำหนดค่าสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการ
2. เลือกประเภทการเชื่อมต่อ  OpenVPN (TCP) นั้นเหมาะสำหรับการท่องเว็บทั่วไป, ในขณะที่ OpenVPN (UDP) นั้นเหมาะสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมันจะมีความเร็วที่สูงกว่า
3. ติดตั้ง OpenVPN Connect เปิด Play Store และค้นหา "OpenVPN Connect app” หรือตัวเลือกที่คุณต้องการ ไซด์โหลดแอปถ้าหากว่ามันไม่มีอยู่ใน Play Store
4. เปิด OpenVPN Connect
5. ตั้งชื่อให้กับการเชื่อมต่อ ในหน้าต่างถัดไป เพิ่มชื่อการเชื่อมต่อของคุณ และกรอกข้อมูลล็อกอิน VPN ที่จำเป็น
6. เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ OpenVPN ถ้าคุณเลือก "เชื่อมต่อหลังนำเข้า" ในหน้าต่างก่อนหน้า OpenVPN Connect จะเชื่อมต่ออัตโนมัติหลังจากที่คุณอนุญาตให้มันตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN
7. ท่องเว็บอย่างปลอดภัย หลังจากที่เชื่อมต่อสำเร็จแล้ว คุณควรจะเห็นไอคอนกุญแจตรงมุมขวาบนของหน้าจอ

ทำไมคุณถึงต้องใช้ VPN บนอุปกรณ์ Android

Android ของคุณนั้นจะเก็บข้อมูลละเอียดอ่อนไว้มากมาย ทำให้คุณอาจถูกสอดแนมหรือถูกแฮ็ก นี่รวมถึงบันทึกของวอยซ์โอเวอร์ไอพี (VoIP) และรูปถ่ายของคุณ

แอปพลิเคชันให้บริการอย่าง Hulu นั้นมีความสามารถที่จะจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาของคุณโดยอาศัยข้อมูลที่อยู่ทางภูมิภาคของคุณได้ นี่หมายความว่าถ้าคุณต้องการจะดูเนื้อหาที่แพลตฟอร์มเหล่านี้มี คุณก็จะต้องเข้าถึงมันจากภูมิภาคที่อนุญาตให้สามารถดูได้

องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนบางแห่งนั้นก็จะมีไฟร์วอลล์ที่จะจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ ข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ไม่เต็มที่

VPN นั้นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยดูแลข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยและก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ได้ พูดง่าย ๆ VPN จะช่วยปิดบังที่อยู่ IP จริงของคุณด้วยการเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคไปยังเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว นี่จะทำให้ดูเหมือนกับว่าคุณกำลังเข้าถึงเนื้อหามาจากตำแหน่งหรือเครือข่ายอื่น พวกเขายังทำการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลบน Android ของคุณจาก ISP และบุคคลที่สามอื่น ๆ

VPN Android ที่คุณควรจะหลีกเลี่ยง

VPN บางรายนั้นจะสร้างปัญหาให้กับเครื่องของคุณ เนื่องจากมันมีมัลแวร์แฝงมาด้วย บางรายก็จะมีฟีเจอร์ที่จำกัดหรือไม่ก็อาจจะทำให้เกิดช่องโหว่กับความเป็นส่วนตัวของคุณด้วยการบันทึกข้อมูลและนำไปแบ่งปันต่อ เราแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยง VPN ต่อไปนี้:

• Hola VPN มันจะบันทึกกิจกรรมออนไลน์ของคุณและจะแบ่งปันข้อมูลของคุณไปให้กับบุคคลที่สาม และก็ไม่ทำการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณด้วย
• Betternet Betternet นั้นทั้งช้า มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แย่ ไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัย แทบจะไม่มีการบริการลูกค้า และก็ไม่สามารถใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมส่วนใหญ่ได้ ทำให้มันเป็น VPN ที่ไม่มีความเสถียร
• Cloud VPN ความเร็วต่ำ ไม่เหมาะสำหรับสตรีมมิ่ง เล่นเกม และโหลด torrent ใด ๆ ทั้งสินบนอุปกรณ์ Android ของคุณ
• SurfEasy มันมีการสมัครสมาชิกที่ราคาแพงและไม่มี kill switch ไว้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งค่าและใช้งาน VPN Android

Android มี VPN แบบบิ้วท์อินไหม?

ไม่มี แต่ Android มี client แบบบิ้วท์อินให้คุณสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN ได้ นี่จะทำให้คุณสามารถกำหนดค่าการเชื่อมต่อ VPN ได้ด้วยการกรอกข้อมูลการตั้งค่าที่ผู้ให้บริการ VPN มอบให้ได้ อย่างไรก็ตาม VPN พรีเมียมที่มีแอปสำหรับ Android นั้นจะเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือและเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากกว่า — คุณจะสามารถใช้งานฟีเจอร์ความปลอดภัยได้มากกว่าและได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลมากกว่า

การติดตั้งและใช้งาน VPN จะทำให้อุปกรณ์ Android ของฉันช้าลงหรือไม่?

การติดตั้งและใช้งาน VPN บนอุปกรณ์ Android อาจจะทำให้ความเร็วตกลงเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นกับปัจจัยอย่างเช่นผู้ให้บริการ VPN, ตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์และโปรโตคอลการเข้ารหัส VPN คุณภาพสูงนั้นจะช่วยลดผลกระทบด้านความเร็วการเชื่อมต่อของคุณลงได้ VPN บางรายอาจจะช่วยให้มันดีขึ้นด้วยการหลีกเลี่ยงการแออัดของเครือข่าย หรือการหลบหลีกการควบคุมแบนด์วิดท์

ฉันจะใช้ OpenVPN สำหรับ Android ได้ยังไง?

วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะใช้ OpenVPN บน Android ก็คือการใช้ VPN ที่มีบิ้วท์อินโปรโตคอลนั้น หลังจากนั้นก็เพียงแค่ทำตามขั้นตอนของผู้ให้บริการเพื่อเปิดใช้งาน OpenVPN ในการตั้งค่าของแอป VPN ทั้งหมดในรายการนี้ต่างก็มี OpenVPN ในแอป Android ของพวกเขา

ฉันสามารถใช้ VPN Android ฟรีได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถใช้ VPN Android ฟรีได้ แต่เลือกให้ดี ๆ VPN ฟรี นั้นมักจะมาพร้อมกับข้อจำกัดต่าง ๆ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ VPN ฟรี ส่วนใหญ่ใน Play Store นั้นต่างก็จะไม่ผ่านการทดสอบการรั่วไหล และก็มักจะเต็มไปด้วยไวรัส ดังนั้นมันจึงไม่ช่วยให้คุณใช้งาน Android ได้อย่างปลอดภัย VPN พรีเมียมที่มีการรับประกันคืนเงินและเนทีฟแอปสำหรับ Android นั้นจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากมันจะติดตั้งและใช้งานง่าย และมันก็จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวสำหรับข้อมูล Android ของคุณ

VPN ฟรีนั้นมักจะมีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกน้อย มีความเร็วต่ำ และก็มีการจำกัดข้อมูล ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ใช้งานโดยรวมของคุณได้ บางรายนั้นถึงขั้นบันทึกข้อมูลกิจกรรมออนไลน์ของคุณ นำข้อมูลของคุณไปขายให้บุคคลที่สาม ไม่ก็จะมีโฆษณาที่คอยกวนใจ

ตั้งค่าและใช้ VPN บน Android ได้ภายในไม่กี่นาที

การใช้ VPN กับแอปสำหรับ Android นั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อที่จะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณบนอุปกรณ์ Android การเข้ารหัสข้อมูลของคุณเพื่อปิดบังตำแหน่งที่แท้จริงจะช่วยป้องกันไม่ให้แฮ็กเกอร์ ตัวติดตาม และผู้สอดแนม สามารถเปิดดูข้อมูลของคุณได้